เป็นอีกหนึ่งข่าวที่สร้างความภาคภูมิใจให้กับคนไทยทุกคนสำหรับความสำเร็จของ เลสเตอร์ ซิตี้ที่ตอนนี้สามารถก้าวขึ้นไปคว้าแชมป์เอฟเอคัพ หลังโค่น เชลซีไปได้ 1-0 หลังเกมมีสถิติประเด็นเกิดขึ้นมากมาย เราไปดูว่า สื่อต่างประเทศยกสถิติอะไรขึ้นมาพูดคุยกันบ้าง
สโมสรแชมป์หน้าใหม่
ต้องเล่าก่อนว่าก่อนหน้านี้เลสเตอร์ ซิตี้ เคยเดินทางมาถึงรอบชิงชนะเลิศเอฟเอคัพ ถึงสี่ครั้งแล้ว แต่ก็ไม่สมหวังสักที จนกระทั่งเดินทางมาถึงครั้งนี้ พวกเค้าทำสำเร็จ ซึ่งการได้แชมป์เอฟเอคัพ ครั้งนี้เท่ากับว่าเค้าได้กลายเป็นแชมป์เอฟเอคัพหน้าใหม่ของวงการฟุตบอล หากนับตัวเลขก็จะเป็นสโมสรลำดับ 44 ที่ได้แชมป์รายการนี้
เบรนแดน ร็อดเจอร์ส
ทางด้านกุนซือของเค้าอย่าง ร็อดเจอร์ส เองก็มีสถิติน่าสนใจด้วย แถมยังเป็นการเดินตามรอยบรมครูวงการผู้จัดการทีมอย่าง เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันด้วย เพราะว่าเค้าเหมือนกันตรงที่ได้ฟุตบอลถ้วยเอฟเอคัพ ทั้งของอังกฤษ และ สกอตแลนด์ ของเฟอร์กูสัน ได้ตอนคุมอเบอร์ดีน และ แมนยู ส่วนร็อดเจอร์สได้ตอนคุมเซลติก และ เลสเตอร์ ถือว่าเป็นเส้นทางที่ดีของการคุมทีมฟุตบอล
แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล
ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเกมที่ แคสเปอร์ส แสดงให้เห็นถึงความเหนียวระดับโลกอีกครั้ง เพราะว่าเกมนี้เลสเตอร์ ไม่แพ้ก็มาจากการกระโดดบินปัดปฏิเสธลูกยิงของ ชีเวลล์ และ เมาท์ เกมนี้เค้าลงสนามในฐานะกัปตันทีมด้วย เลยทำให้กลายเป็นสถิติสุดเท่ของตำแหน่งนี้ในการชูถ้วยแชมป์ ผู้รักษาประตูคนสุดท้ายที่ได้ชูถ้วยแชมป์ก็ เดวิด ซีแมน ของอาร์เซนอล เมื่อซีซั่น 2002-2003 โน่นเลย
ผู้เล่นอายุมากที่สุด
อีกหนึ่งสถิติเป็นเรื่องผู้เล่นที่อายุมากสุดในเกมนี้ ก็คือ เวส มอร์แกน ที่ถูกส่งลงสนามในนาทีที่ 83 แทนที่ ลุค โธมัส นั่นทำให้เค้ากลายเป็นผู้เล่นที่อายุมากที่สุดได้ลงเล่นรอบชิงชนะเลิศเอฟเอคัพ อายุ 37 ปี กับ 114 วัน แต่ไม่เท่าเจ้าของสถิติอายุสูงสุดอย่าง เท็ดดี้ เชอริ่งแฮม เล่นให้เวสต์แฮม ตอนอายุ 40 ปี กับ 41 วัน ลงดวลกับ ลิเวอร์พูล ในซีซั่น 2005-2006 แต่แพ้ไป